นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เปิดเผยว่า ในห้วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน ของทุกปีสภาพอากาศของประเทศไทยจะแห้งแล้งและมีลมกระโชกแรง ประกอบกับอุณหภูมิผิวดินสูงขึ้นเนื่องจากปรากฏการณ์โลกร้อนและกิจกรรมในชุมชนเช่น การเผาไร่ เผาวัชพืชที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดหมอกควัน และไฟป่าได้ง่าย จังหวัดกาฬสินธุ์จึงได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า จังหวัดกาฬสินธุ์ขึ้นที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆได้ประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆของจังหวัดกาฬสินธุ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เปิดเผยอีกว่า ได้ออกประกาศจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง กำหนดเขตควบคุมหมอกควันและไฟป่าในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเขตควบคุมหมอกควันและไฟป่า และได้กำหนดมาตรการป้องกันไว้ดังนี้ เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาไร่ วัชพืชที่ดินทำกิน ให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินขออนุญาตจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองนั้น และต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ หากราษฎรไม่แจ้งขออนุญาต หรือขออนุญาตแล้ว แต่ไม่จัดทำแนวกันไฟและไม่ควบคุไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองของตนเองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามกลายเป็นหมอกควันและไฟป่า ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับราษฎรที่ฝ่าฝืนต่อไป
..สุวรรณ ศรีอาภรณ์ ข่าว