นายสิทธิโชติ วันทวิน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน แจ้งว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้จัดทำข้อมูลเรื่อง "การใช้ไฟฟ้า-รถยนต์ในภาวะน้ำท่วม โดยได้รวบรวมข้อแนะนำการใช้พลังงานอย่างถูกวิธี ทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และการใช้รถยนต์ ในช่วงภาวะน้ำท่วมและหลังน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนปรับใช้ดังนี้
ระบบไฟฟ้าในช่วงน้ำท่วม
- ห้ามใช้และสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดในขณะที่ตัวเปียก
- ห้ามนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาใช้เด็ดขาด
- หากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาใช้แล้ว มีกลิ่นเหม็นไหม้ มีเสียงดัง ให้หยุดการใช้งานทันที
การใช้ไฟฟ้าหลังน้ำท่วม
- เมื่อกระแสไฟเข้าระบบปกติแล้ว ให้ลองเปิดไฟทีละจุดหรือทดสอบด้วยไขควงไฟ
- ลองดับไฟในบ้าน ถอดปลั๊กออกให้หมด แล้วสังเกตมิเตอร์ไฟฟ้าว่าหมุนหรือไม่ ถ้าไม่หมุนแสดงว่าปกติ ถ้าหมุนแสดงว่า ไฟรั่ว ต้องแก้ไขโดยด่วน
การขับรถขณะน้ำท่วม
- ใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดาและควรใช้ความเร็วให้สม่ำเสมอ อย่าหยุดหรือเร่งความเร็วขึ้น
- หลังจากลุยน้ำที่มีระดับที่ลึกมาก ควรพยายามเบรกเพื่อไล่น้ำ
- ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด จะทำให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่องแล้วทำให้เคื่องดับ ขั้นตอนที่ต้องทำทันทีหลังจากรถถูกน้ำท่วม
- สำรวจน้ำมันเครื่องถ้าผิดปกติให้รีบถ่ายน้ำมันเครื่องโดยทันที
- ตรวจสอบเบ้าหัวเทียนว่ามีอะไรติดขัดหรือไม่ กรณีที่เครื่องเบนซินให้ใช้ลมเป่าที่หัวเทียนเพื่อไล่น้ำออกให้หมดทุกซอกทุกมุม หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้
- เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก ถ้ามีแดดก็ตากแดด เพื่อที่จะฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราต่างตาม เบาะ หรือพรม เบาะ ที่อยู่ภายบในรถ
- อย่าสตาร์ทรถ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบไฟต่างๆได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ อาจารย์ รักชาติ แสงวงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์และหัวหน้าศูนย์บริการยานยนต์ มหาวิทยาลัยรังสิต ยังได้แนะนำวิธีการดูแลรถหลังจมน้ำดังนี้
- ควรปลดขั้วแบตเตอรี่ และไม่ควรสตาร์ทรถ เพราะจะทำให้ระบบวงจรไฟฟ้าพังเสียหายได้
- จากนั้นเช็คเครื่องยนต์เป่าไล่ความชื้น และถ่ายน้ำมันทุกชนิดออกจากรถ
- ปกติค่าซ่อมแซมรถที่จมน้ำ จะมีราคาประมาณ 3 แสนบาท เนื่องจากทุกอย่างเสียหมด ต้องผ่าเครื่อง หรือไม่ก็ส่งศูนย์ซ่อมของรถแต่ละยี่ห้อก็ได้ เพื่อ ความมาตรฐาน และมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ//นายรชา วาสนาเชิดชู นักศึกษาฝึกงาน ข่าว