นายชยาวุธ จันทร
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า
มีผู้ที่มีใจกุศลที่มีความประสงค์จะแจกอาหารสดหรือสิ่งของแก่ประชาชน
เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
เนื่องจากการปิดพื้นที่ชั่วคราว หรือหยุดประกอบกิจการ หรือประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19)
เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นไปตามหลักสุขอนามัย
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดราชบุรี
จึงกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีมีผู้มีความประสงค์แจกอาหารสดหรือสิ่งของแก่ประชาชน ดังนี้
1.ให้แจ้งนายอำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่จะแจกของล่วงหน้า
ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง
2.จุดแจกของต้องมีพื้นที่เพียงพอ
สามารถรองรับมวลชนที่จะมารอรับของ ให้ได้สัดส่วนกับยอดขยองที่จะแจก
ซึ่งควรมีระยะห่างระหว่างบุคคลไม่ต่ำกว่า 1.5-2 เมตร
หากจุดแจกของที่ผู้ประสงค์จะแจกกำหนดไว้ไม่เหมาะสม
ทางเจ้าหน้าที่จะขอให้เปลี่ยนไปแจกในจุดที่มีความเหมาะสมต่อการควบคุมโรคกว่าแทน
3.ต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิผู้มาแจกและรับของ
หากไม่มีเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ตรวจวัดไข้เอง
ต้องขอให้อำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดไข้
พร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยจัดระเบียบมวลชน จึงจะสามารถแจกจ่ายของได้
4.ผู้แจกของทุกคนต้องผ่านการตรวจวัดไข้และใส่ถุงมือ
พร้อมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
ส่วนผู้รับของต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน ทั้งนี้
ให้ผู้ประสงค์แจกของดังกล่าว มีหน้าที่ประกาศให้ผู้มารับของทราบเกณฑ์ดังกล่าวล่วงหน้าด้วย
5.ผู้แจกของต้องจัดให้มีระบบการลงทะเบียนรายชื่อ-สกุล
เลขประจำตัวประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้แจกและผู้รับของทุกราย
แล้วจัดส่งให้อำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหลักฐานเมื่อทำการแจกจ่ายเสร็จ
เพื่อในกรณีที่มีปัญหาสามารถติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องทุกรายมาทำการสอบสวนโรคได้
6.บุคคลใดที่มีความประสงค์จะแจกของข้างต้น
แต่ไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ ให้ติดต่ออำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อำนวยความสะดวกในการแจกจ่ายให้แทน ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ
อนึ่ง
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตาม มีโทษตามนัยมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ.2548 ตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ