นายชนินทร์ แสงรุ่งเรือง ประมงจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะเข้าสู่ฤดูหนาว
ทำให้อากาศหนาวเย็นและอุณหภูมิของน้ำลดต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำของเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงไว้ได้
จึงขอให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งในเชิงพาณิชย์
และเพื่อบริโภคหมั่นดูแลรักษาสุขภาพสัตว์น้ำทั้งในกระชังและบ่อดิน
ในช่วงที่มีสภาพหนาวเย็นลง เพราะสภาพอากาศดังกล่าวจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารน้อยลง
มีภูมิต้านทางต่ำ สุขภาพอ่อนแอ เอื้อต่อการเกิดโรคระบาดได้ง่าย
ประกอบกับเชื้อโรคชนิดสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ
ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรได้
ดังนั้น
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์น้ำอันเนื่องมาจากภัยหนาว
เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรปฏิบัติก่อนเกิดภัยหนาว ดังต่อไปนี้
๑.ติดตามสถานการณ์ข่าวสารจากสื่อต่างๆ อย่างใกล้ชิด
๒.จับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการออกจำหน่ายก่อนหรือในช่วงภัยหนาว
๓.ลดปริมาณการให้อาหารเพื่อป้องกันการเน่าเสีย
โดยเฉพาะผู้เลี้ยงปลาในกระชังต้องหมั่นเก็บเศษอาหารที่เหลือออกจากกระชัง
และทำความสะอาดกระชังไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
เพราะโรคปลาบางชนิดเติบโตได้ดีในสภาพที่น้ำมีอุณหภูมิต่ำ
โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ปลาเป็นแผลและตายได้
๔.หมั่นสังเกตอาการต่างๆ ของสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด
หากมีอาการผิดปกติจะได้แก้ไข และรักษาได้ทันที
๕.กรณีเกิดโรคระบาดให้ผู้ที่เลี้ยงปลาในบ่องดการเติมน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเข้าบ่อ
หรือระบายน้ำจากบ่อเลี้ยงออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และปรับสภาพน้ำในบ่อโดยใช้เกลือ
ปูนขาวผสมน้ำสาด
๖.หากพบสัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมาก หรือสงสัยว่าเป็นโรค ให้กำจัดซากสัตว์น้ำนั้นทันทีโดยการฝังหรือเผา
ห้ามนำไปรับประทานเพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่ควรนำไปทิ้งตามสระ
หรือคลองน้ำธรรมชาติ
๗.กรณีมีปัญหาหรือเกิดความเสียหายต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ให้ติดต่อสำนักงานประมงอำเภอในพื้นที่ หรือสำนักงานประมงจังหวัด
ทางโทรศัพท์หมายเลข ๐๓๒ ๓๓๗๖๕๖ เพื่อขอรับคำปรึกษาหรือความช่วยเหลืออย่างถูกต้องและรวดเร็วต่อไป