1 ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง และอัคคีภัยในช่วงฤดูร้อน
พันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังรายงานถึงการรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง และอัคคีภัยในช่วงฤดูร้อน ว่า กระทรวงกลาโหมได้เตรียมการกระจายน้ำบาดาลให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารเพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภค รวมถึงการใช้น้ำเพื่อการเกษตร พร้อมแบ่งมอบภารกิจให้เหล่าทัพไปดำเนินการโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อให้ทั่วถึง ส่วนเรื่องการเกิดอัคคีภัยและการดับไฟป่านั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปในพื้นที่จัดเตรียมอุปกรณ์ให้มีความพร้อม และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานระมัดระวังการเกิดอัคคีภัย พร้อมช่วยกันเป็นหูเป็นตา นอกจากนี้ ให้ระมัดระวังในเรื่องการใช้น้ำ โดยเฉพาะการทำการเกษตรที่ไม่ตรงกับฤดูกาล ขอให้เกษตรกรไปปรึกษาหน่วยงานราชการเกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2 คณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ต้องรับผู้ป่วยฉุกเฉินภายใน72ชั่วโมง ก่อนส่งต่อ โรงพยาบาลตามสิทธิ พร้อมเตรียมบังคับใช้ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรี เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต โดยมีสาระสำคัญเพื่อลดปัญหาการเก็บเงินผู้ป่วยเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต โดยโรงพยาบาลเอกชน ต้องรับรักษาคนไข้ให้พ้นวิกฤต และห้ามเก็บเงินผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย โดยต้องเก็บตามอัตราตามกฎหมายกับกองทุนนั้นๆ และกำหนดหลักเกณฑ์กรณีที่โรงพยาบาลเอกชนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รับรักษาผู้ป่วยเจ็บป่วยฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นของรัฐและเอกชน ก่อนจะส่งต่อโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยมีสิทธิอยู่ โดยจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 31 มีนาคมนี้ พร้อมมั่นใจโรงพยาบาลภาครัฐขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร หรือโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม มีความพร้อมรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หลังจากนี้จะมีการนำระเบียบดังกล่าวไปปรับแก้ คาดว่าจะประกาศใช้ได้ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์
3 คณะรัฐมนตรี เห็นชอบปรับลดปริมาณ แอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ และผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หากมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือเป็นผู้เมาสุรา ขณะที่กระทรวงคมนาคม ขอถอนเรื่องการให้ผู้ขอใบขับขี่ต้องผ่านการอบรม 15 ชั่วโมงกลับไปพิจารณาใหม่
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่ากระทรวงคมนาคม ขอถอนเรื่องกฎกระทรวงว่าด้วยการออกใบอนุญาตขับขี่ กลับไปพิจารณาใหม่ ในประเด็นที่กำหนดให้ผู้ขออนุญาตออกใบขับขี่ต้องผ่านการอบรม 15 ชั่วโมงจากโรงเรียนกรมการขนส่งทาง 5 แห่งในพื้นที่ 5 จังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัด หรือ โรงเรียนสอนขับรถของภาคเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ด้านพันเอกอภิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายความปลอดภัยบนท้องถนน โดยปรับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสำหรับผู้ขับขี่ จากเดิมกำหนดให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นถือว่าเมาสุรา โดยแก้ไขเป็นกำหนดให้กรณีผู้ขับขี่อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ และกรณีผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือมีใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา ส่วนบุคคลอื่นกำหนดให้ ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์หรือว่าเมาสุราตามเดิม
------------------------------------------------------------------------